ชื่อเล่น โบตี้
ภาควิชา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ชั้นปี 4
องค์กรที่ได้ไปฝึกงานเป็น “องค์กรภาครัฐ” “องค์กรเอกชน” หรือ “รัฐวิสาหกิจ”
องค์กรภาครัฐ
หน่วยงาน / บริษัท / องค์กร ใด?
สถานทูตสหรัฐอเมริกา
ชื่อตำแหน่งงานที่เคยฝึก
นิสิตนักศึกษาฝึกงานแผนกการเมือง (Political intern)
หน่วยงาน / บริษัท / องค์กร ฝึกงานตั้งอยู่ ณ ที่ใด?
ถนนวิทยุ
ขั้นตอนในการสมัครหรือขั้นตอนในการยื่นเรื่องฝึกงาน
- เตรียมใบ transcript และใบรับรองสภาพนิสิต (ภาษาอังกฤษ)
- กรอกฟอร์มสมัครฝึกงานในเว็บของสถานทูต (https://th.usembassy.gov/embassy-consulate/jobs/internship-program/)
- ส่งใบ transcript และใบรับรองสภาพนิสิตตามไปในอีเมล (ดูรายละเอียดในเว็บสถานทูต)
- หากผ่านการคัดเลือกรอบแรกจะได้รับการติดต่อกลับจากแผนกที่สมัครไปเพื่อขอนัดสัมภาษณ์
- หากผ่านการคัดเลือกรอบสัมภาษณ์จะได้รับการติดต่อจากสถานทูตเพื่อให้ไปคัดกรอง security clearance และหากผ่านขั้นนี้ก็จะถือว่าได้เป็นอินเทิร์นตัวจริง
ระยะเวลาในการฝึกงาน
2 เดือน
ได้รับมอบหมายงานอะไรในระหว่างการฝึกงาน?
- แปลและสรุปข่าวการเมืองเป็นประจำทุกเช้า ทั้งการเมืองภายใน การต่างประเทศ ข่าวเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนของไทย หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ
- มอนิเตอร์พัฒนาการของประเด็นทางการเมืองที่ได้รับมอบหมาย
- เข้าร่วมการประชุมประจำสัปดาห์ของแผนกการเมือง อัพเดตข้อมูล/ร่วมแสดงความคิดเห็น/ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองที่ถูกหยิบยกขึ้นมา
- อำนวยความสะดวกแก่แขกของแผนกการเมืองเมื่อมีงานของสถานทูต เช่น งานวันชาติ งานไพรด์
การเตรียมตัวก่อนฝึกงาน
- ติดตามข่าวสารการเมืองโดยเฉพาะการเมืองภายในของไทย
- ศึกษาคำศัพท์การเมืองภาษาอังกฤษ เช่น ศัพท์ที่ใช้ในสภา การชุมนุมประท้วง การร่างกฎหมาย
สวัสดิการในสถานที่ฝึกงาน
เป็น unpaid internship ไม่มีค่าใช้จ่ายให้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ฯลฯ เว้นแต่ฝึกงานแผนกที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปทำงานนอกสถานที่ อันนี้สถานทูตจะมีรถรับ-ส่งให้ อินเทิร์นไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตรงนี้
เรื่องที่อยากแบ่งปันหรือความประทับใจระหว่างฝึกงาน
- พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ใจดีมากทุกแผนกเลย โดยเฉพาะพี่ ๆ แผนกการเมืองคือไว้ใจอินเทิร์นมาก ให้เราได้ลงมือทำงานแบบจริง ๆ มี authority ในงานของตัวเอง 100% ให้ลองทำงานหลายอย่างจนได้เรียนรู้ไประหว่างฝึกงานเลยว่าตัวเองชอบ/ไม่ชอบอะไร หรือถ้าอยากทำเกี่ยวกับประเด็นไหนเป็นพิเศษก็สามารถพูดคุยกับพี่ ๆ ได้ เช่นเราสนใจการต่างประเทศเป็นพิเศษ พอรู้แบบนี้พี่ ๆ ก็พยายามส่งงานที่เกี่ยวกับการต่างประเทศมาให้รับผิดชอบ คือพี่ ๆ เขาทรีตเราเป็นส่วนหนึ่งของทีมเลยอะ ไม่ได้มองแค่ว่าเราเป็นนิสิตนักศึกษาฝึกงานแล้วให้ทำแค่งานเล็ก ๆ เฉย ๆ นอกจากนี้ เราชอบบรรยากาศการทำงานในสถานทูตมาก เริ่มงาน 7 โมง เลิกงาน 4 โมงเป๊ะ ตัดภาพมา 4 โมงครึ่งคือสถานทูตเริ่มร้าง 5 โมงกว่าคือเจ้าหน้าที่เดินเช็ครอบตึกแล้วว่ายังเหลือใครอยู่บ้าง 555555 มี work-life balance ชัดเจนสุด ๆ แล้วถึงแม้สถานทูตสหรัฐฯ จะมีโครงสร้างราชการ แต่มันเป็นความมีระเบียบแบบยังมีความยืดหยุ่นอยู่ คือมันมี org chart ชัดเจนว่าเราต้อง report ต่อใคร มีคนไหนเป็น supervisor แต่ sense ของความเป็นลำดับชั้นมันต่ำกว่าราชการไทยมาก เช่นแบบ political officer ชาวอเมริกัน (ก็คือนักการทูตอเมริกัน) ไม่ถือตัวเลย ชอบเดินมาคุยมาถามไถ่ความเป็นไปอยู่ทุกวัน (แต่โหมดทำงานก็จริงจังนะ) แล้วเจ้าหน้าที่แผนกการเมืองทั้งคนอเมริกันและคนไทยคือสนับสนุนให้เราออกความเห็นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเห็นตรงหรือต่างจากพวกเขา แถมเขาพร้อมรับฟังและ value input จากอินเทิร์นที่เป็นคนรุ่นใหม่มาก ๆ ด้วย
- สรุปโดยรวมคือเราประทับใจที่พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ไว้ใจและเชื่อใจอินเทิร์นประหนึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของสถานทูตจริง ๆ สนับสนุนให้เราได้ทำในสิ่งที่เราสนใจอย่างเต็มที่ และชอบวัฒนธรรมองค์กรมากที่ไม่ได้ยืดหยุ่นเกินไปแต่ก็ไม่ได้แข็งโป้กเกินไป